Publish : 17 February 2023
หัวข้อในบทความนี้ - การใช้ PIR Sensor - การใช้ PIR Sensor และ MCU
- การใช้ IR Obstacle
- การใช้ IR Obstacle และ MCU
- การใช้ Laser และ LDR
สำหรับโปรเจคในเดือนนี้จะเป็นการรวบรวมหลายๆโปรเจคย่อยมาไว้ด้วยกันก็ว่าได้ เนื่องจากมันเป็นการเปิดปิดไฟธรรมดา คาดว่าทุกคนคงทำกันได้ แต่เราจะทำให้ดูหลายๆวิธี ลองมาคิดกันว่าจะมีวิธีไหนบ้าง เป็นลองคิดแบบเล็กๆ เพื่อเป็นแนวทางนำไปประยุกต์กันต่อไป คือถ้าเปิดไฟได้ ก็ย่อมไปควบคุมอย่างอื่นได้หล่ะครับการใช้ PIR Sensor วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและดูจะประหยัดที่สุด เนื่องจากไม่มีการเขียนโปรแกรม และใช้อุปกรณ์เพียงแค่สองตัวเท่านั้น คือ PIR Sensor และ Relay Module ในการทำงาน
ในการต่อวงจรจะใช้ Signal จาก PIR Sensor ไป Trigg ให้รีเลย์ทำงาน รีเลย์จะปิดวงจรทำให้ไฟสว่างขึ้นมา และเมื่อครบเวลาที่กำหนดก็จะเปิดวงจรทำให้ไฟดับลง โดยเราสามารถสลับการทำงาน (ให้ไฟดับเมื่อมีคนเดินผ่าน) ด้วยการสลับสายที่รีเลย์จาก NO ไป NC ได้ จากตัวอย่างเป็นวงจรหลอด LED ขนาดเล็ก ซึ่งใช้ไฟเลี้ยงจากแบตเตอรี่ หากใครต้องการต่อกับไฟบ้าน 220V ก็ได้โดยการเดินสายไฟเข้ารีเลย์แทนสวิตช์นั่นเอง ส่วนจะให้เปิดนานแค่ไหนที่ตัวโมดูลสามารถปรับแต่งได้ สามารถดูบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่
การใช้ PIR Sensor และ MCU โปรเจคนี้จะเพิ่มความยุ่งยากขึ้นมาอีกนิด แต่ก็จะทำให้โปรเจคเรามีความสามารถและสร้างสรรค์ได้เพิ่มมากขึ้น โดยเราจะนำสัญญาณจาก PIR Sensor ไปเข้า MCU ต่าง ๆ (เช่น Arduino) จากนั้นจึงใช้สัญญาณจาก MCU ไปสั่งรีเลย์อีกที ซึ่งนอกจากจะทำงานในแบบเมื่อมีคนเดินผ่านแล้ว เรายังสามารถหน่วงเวลาได้นานยิ่งขึ้น หรือเขียนโปรแกรมให้เป็นแบบผ่านเปิด ผ่านอีกครั้งปิด หรือเขียนให้มีการเปิดปิดตามเวลาเพิ่มเติมได้อีกด้วย
การใช้ IR Obstacle Infrared Obstacle Avoid Module นั้นก็สามารถต่อตรงกับโมดูลรีเลย์ได้เช่นเดียวกับ PIR Sensor แต่ IR Obstacle นั้นจะเปล็นสัญญาณ HIGH ตลอดเวลา และจะ LOW เมื่อมีอะไรผ่าน ฉะนั้นรีเลย์จึงจะทำงานตลอดเวลา และจะปิดเมื่อมีอะไรตัดเซ็นเซอร์ หากต้องการให้ไฟเปิดเมื่อมีอะไรผ่านก็ต้องไปต่อไฟที่ Com กับ NC และที่สำคัญอีกอย่างคือมันจะเปิดเฉพาะเมื่อวัตถุอยู่หน้าเซ็นเซอร์เท่านั้น หากเดินออกจากระยะก็ปิดเหมือนเดิม ไม่สามารถหน่วงเวลาเหมือน PIR ได้
การใช้ IR Obstacle และ MCU ทีนี้เมื่อเรารู้ข้อเสียของการต่อ IR Obstacle เข้าตรง ๆ กับ MCU แล้ว เราต้องการให้หน่วงเวลาได้ เนื่องด้วยตัวอย่างนี้เน้นง่าย แต่ให้เยอะ เราก็แก้ง่าย ๆ ด้วยการเขียนโปรแกรมให้ delay ใน MCU ของเราซะเลย ทีนี้เมื่อมีอะไรมาผ่านเซ็นเซอร์ ก็ไม่สนอะไรแล้วหล่ะ ไฟก็จะติดจนกว่าที่เราเขียน delay ไว้จะหมด ทีนี้ถ้า delay หมดแล้ว โปรแกรมก็กลับไปเช็คเงื่อนไขเหมือนตอนแรก ถ้ายังตรวจจับวัตถุได้อยู่ก็เปิดไฟ delay อีกรอบ ถ้าไม่อยู่แล้วก็ปิดไฟ
การใช้ Laser และ LDR ทั้งสองวิธีที่ผ่านมาเป็นการตรวจจับที่ค่อนข้างมีข้อจำกัด PIR Sensor ก็สามารถตรวจจับได้ไกลพอสมควร แต่ก็มีมุมที่กว้าง บางครั้งคนยังเดินมาไม่ถึงจุดที่ต้องการมันก็ชิงทำงานก่อน ส่วน IR Obstacle ก็จะต้องเดินมาตรงหน้าเซ็นเซอร์ใกล้ ๆ มันถึงจะตรวจจับได้ เราจะแก้ปัญหาด้วยการใช้เลเซอร์ซะเลย ด้วยคุณสมบัติของเลเซอร์ที่มีทิศทางแน่นอน และมีความเข้มของแสงสูง แล้วใช้ LDR รับแสงเลเซอร์ (หรือใครมีตัวรับเลเซอร์ จะใช้งานแทน LDR ก็ได้เลยครับ) เมื่อเราตั้งให้แสงเลเซอร์ยิงตรงเข้าไปที่ LDR ก็จะรับแสงเข้ม ๆ ของเลเซอร์นี้ได้ แต่เมื่อมีคนเดินตัดแสงเลเซอร์ ตัวของคนนั้นก็จะบังแสงเลเซอร์ LDR ก็จะรับได้เพียงแสงของสภาพแวดล้อมที่เข้มน้อยกว่าเลเซอร์ เราก็เขียนโปรแกรมคอยเทียบปริมาณแสงที่ LDR รับได้นี้แล้วก็สั่งให้รีเลย์ทำงานได้ ตามหลักการนี้นั่นเอง

สำหรับวันนี้ก็มาทำโปรเจคง่าย ๆ กัน ซึ่งจะเป็นแนวทางของโปรเจคสำหรับปีนี้ครับ คือทำโปรเจคง่าย ๆ เดือนละ 1 โปรเจค ครบ 1 ปีเราก็จะมีอย่างน้อย 12 โปรเจคที่ได้สร้างขึ้นเอง รวมถึงอาจออกไปเกี่ยวกับเรื่องชวนคิดนิด ๆ ตรงที่การแก้ปัญหาอย่างเดียวอาจทำได้หลายทาง แค่ต้องการเปิดไฟเมื่อมีคนเดินผ่านก็ออกแบบได้หลายทางเลย และจริง ๆ ก็สามารถประยุกต์ไปเป็นเสียงเตือน หรืออื่น ๆ หรือดัดแปลงโ)รแกรมเป็นแบบอื่น ๆ แถมยังมีวิธีทำอีกหลายวิธีด้วยครับ ซึ่งแต่ละวิธีก็ไม่มีคำว่าผิด เพียงแค่เหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมคือเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ใช้ เหมาะสมกับงบประมาณ เหมาะสมกับความสามารถของผู้สร้าง และอื่น ๆ ซึ่งเจตนาของร้านเราตั้งแต่เริ่มนั้นเราจะไม่เพียงแค่ขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ลูกค้าเราจะให้คำปรึกษากับลูกค้าที่ซื้อของไป รวมถึงส่งเสริมนักเรียน นักศึกษา ในการคิดสร้างสิ่งใหม่ ๆ นั่นเองครับ
หากท่านเห็นว่าบทความมีประโยชน์ต้องการสนับสนุนเป็นกำลังใจ เพียงแค่สั่งซื้อสินค้าจากร้านเรา หรือสนับสนุนค่ากาแฟให้เรานั่งเขียนบทความตามลิงค์ด้านล่างนี้