

| คำสั่ง | รูปแบบ | อธิบาย - ตัวอย่าง |
| read() | read(address) | อ่านค่า(byte)ที่เก็บไว้ใน address ที่ต้องการ : address = ตำแหน่งที่ต้องการอ่าน ตัวอย่าง EEPROM.read(10) |
| write() | write(address, value) | เขียนค่า(byte)ลงไปใน address ที่ต้องการ : address = ตำแหน่งที่ต้องการเขียน , value = ค่าที่ต้องการเขียน ตัวอย่าง EEPROM.write(22, 145) |
| update() | update(address, value) | เขียนค่าลงไปใน address ที่ต้องการเหมือน write() ต่างกันที่จะดำเนินการเฉพาะกรณีที่ค่าไม่เหมือนค่าเดิมที่มีอยุ่ ตัวอย่าง update(15, 255) |
| get() | get(address, data) | อ่านค่าที่เก็บไว้เหมือนกับ read() แต่ get() จะอ่านค่าข้อมูลทุกชนิด ไม่เฉพาะ byte : address = ตำแหน่งเริ่มต้นที่ต้องการเขียน , data = ตัวแปรในการเก็บข้อมูล ตัวอย่าง get(15, f) |
| put() | put(address, data) | เขียนค่าเก็บไว้เหมือนกับ write() แต่ put() จะอ่านค่าข้อมูลทุกชนิด ไม่เฉพาะ byte : address = ตำแหน่งเริ่มต้นที่ต้องการเขียน , data = ข้อมูลที่ต้องการเขียน ตัวอย่าง put(11, g) |
ส่วนการเขียนอ่านข้อมูลใด ๆ ที่ไม่ใช่ byte นั้น เราจะใช้คำสั่ง put() และ get() แทน เนื่องจาก write() และ read() นั้นจะสามารถเขียนอ่านได้แค่ byte เดียวเท่านั้น คำสั่ง put() และ get() จะมีการเลื่อน Address ไปยังบล็อคต่อไปทำให้เขียนหรืออ่านข้อมูลยาว ๆ ได้ต่อเนื่องนั่นเอง ในตัวอย่างด้านล่างนี้ผู้เขียนจะเขียนโปรแกรมตัวอย่างทั้ง put() และ get() รวบไปในครั้งเดียวเลยละกันครับ ตัวโปรแกรมจะดักอ่านค่าไว้ก่อน แน่นอนว่าครั้งแรกเรายังไม่ได้เขียนข้อมูลที่กำหนด จึงทำการ put() ค่านี้ลงไป เปิด Serial monitor ดูมันจะแจ้งว่าได้ทำการเขียนข้อมูลลงไปนะ จากนั้นจะเขียนข้อมูล data2 ลงไป แต่จะเริ่มจากไหนหล่ะ เราจะเริ่มจากตำแหน่งที่ data1 สิ้นสุดนั่นเอง โดยใช้คำสั่ง sizeof() ในการหาขนาดของ data1 แล้วบวกลงไปเท่านี้ก็จบครับ จากนั้นทุกท่านลองถอดสายแล้วเสียบใหม่ดู โปรแกรมมันจะทำการอ่านก่อนซึ่งเราได้เขียนค่านี้เอาไว้แล้วในตอนแรก มันก็จะแจ้งว่ามีค่านี้อยู่ใน EEPROM ของเรานั่นเองครับ
แม้ว่า put() มันคือการ write() ข้อมูลยาว ๆ แต่ความจริงแล้วมันทำงานแบบ update() หากเรา put() ข้อความเดิมลงไปมันจะไม่ทำการเขียนทับเพื่อยืดอายุของ EEPROM ตามที่กล่าวไปนั่นเอง
Fitrox Electronics